วันนี้ลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่ (สำหรับเรา) ภาพหนึ่งแทรกขึ้นมาในหัว – คนตาบอด แขนขาด ขาขาด หรือคนที่อวัยวะไม่ครบ 32 ไม่รู้เพราะอะไรดลใจให้สมองสั่งงานดึงเอาภาพจำเหล่านั้นขึ้นมา

ภาพตัดไปที่คนตาบอดเมื่อครั้งหนึ่งที่เคยเข้าไปสัมผัสชีวิตเล็กๆ ของพวกเรา – ไม่มีอะไรมาก แค่ไปนั่งรอคุณอาที่บ้านนั่งนวดในร้านนวดที่มีเหล่ามืออาชีพนวดแผนโบราณเป็นคนตาบอดทั้งหมด
คุณอาติดใจเพราะที่นี่นวดดี ไม่หยิ่ง คุยง่าย – อาจจะเพราะพวกเขารู้ตัวว่าตาบอด เลยคิดว่าตัวเองด้อยค่ากว่าคนอื่น อันนี้เราก็คิดไปเอง เพราะเคยไปนั่งนวดในห้าง หน้าตาคนนวดบูดบึ้งมาก นวดไปเครียดไป...ผ่อนคลายตรงไหนวะ




สีขาว นิยามของความสะอาดบริสุทธิ์ เป็นเพียงความเชื่อว่ามันคือของสูงค่า เราแยกและเปรียบเทียบระหว่างสี "ขาว-ดำ" ออกจากกัน เพียงเพื่อแยกแยะโลกชั่ว-ดี 




บนท้องฟ้า...ภาพของดวงดาวนับล้านๆ ดวงที่เปล่งแสง ผงธุลีมากมายไหลผ่านไปมาอยู่ในอวกาศมากมายจนเกินคณานับได้

แม้บางเศษชิ้นส่วนก็ดูจะใหญ่โตมากกว่าโลกที่เราอาศัยอยู่และยากเกินกว่าที่ เราจะเข้าใจการเป็นไปของพวกมัน
หากใครลองจ้องมองขึ้นไปให้ไกลสุดสายตาในความ มืดมิด
แสงดาวเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ภาพอดีตของชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นมันเดินทางและ ใช้เวลาผ่านช่องว่างอันกว้างใหญ่ของจักรวาลกว่าจะส่งผ่านมากระทบกับนัยน์ตาของเรา
“ใครจะรู้สึกว่าชีวิตนี้ของเราล้วนดำเนินไปยังจุดสิ้นสุดอันเป็นสิ่งชั่วนิรันดร์ หากไม่เคยมีโอกาสได้เผชิญมันสักครั้งแล้วรอดออกมา”...


วามหมายของ “ชีวิต” ของผู้คนในสังคมดูแตกต่างและเลื่อนลอยมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคสมัยที่เราดำเนินอยู่บนโลกของการแข่งขัน การตอบรับข่าวสาร เชคอีเมล์ แชท หรือการอัพเดตโซเชี่ยลมีเดียอย่างไร้จุดหมาย หรือเพียงแค่ต้องการสนองความรู้สึกลึกๆ ที่คิดว่ามันเป็นความสุข
99Pencilinhand. Powered by Blogger.